คาราบาว
แอ๊ดได้มีโอกาสฟังเพลงของ เลด เซพเพลิน , จอห์น เดนเวอร์ , ดิ อีเกิ้ลส์ และ ปีเตอร์ แฟลมตัน จากแผ่นเสียงที่ไข่ได้สะสมไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมาทั้ง 3 คนจึงร่วมกันตั้งวงดนตรีขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า คาราบาว เพื่อใช้ในการแสดงบนเวทีในงานของมหาวิทยาลัย โดยเล่นดนตรีแนวโฟล์คในเนื้อหาที่สะท้อนสภาพปัญหาและความเป็นจริงของสังคม
เมื่อกลับมาเมืองไทย แอ๊ดและเขียวได้ร่วมกันเล่นดนตรีในเวลากลางคืน โดยกลางวันแอ๊ดทำงานอยู่ที่การเคหะแห่งชาติ ขณะที่เขียวทำให้กับบริษัทฟิลิปปินส์ที่มาเปิดในประเทศไทย ส่วนไข่ก็ขอลาออกจากวงและแยกตัวออกไปทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ภาคใต้ ทั้งคู่ออกอัลบั้มชุดแรกของวง ในชื่อ ขี้เมา เมื่อปี พ.ศ. 2524 และแอ๊ดก็ได้ติดต่อวงโฮป ให้มาช่วยโปรดิวซ์ให้ในอัลบั้มชุดนี้ และทำให้คาราบาวเป็นที่รู้จักตั้งแต่อัลบั้มนี้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ได้มีสมาชิกในวงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน คือ เล็ก - ปรีชา ชนะภัย จากวงเพรสซิเดนท์ และได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในชื่อชุด แป๊ะขายขวด โดยเล็กได้ชักชวนสมาชิกวงเพรสซิเดนท์บางส่วน รวมทั้ง อ๊อด - อนุพงษ์ ประถมปัทมะ มือเบสที่ตอนนั้นยังอยู่ในวงเพรสซิเดนท์ ให้มาเล่นเป็นแบ็คอัพของทั้ง 3 คน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง
แอ๊ดคาราบาว แต่งผลงานเพลง พ่อภูมิพล เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ดคาราบาว นักร้องเพื่อชีวิต วัย 62 ปี ได้แต่งผลงานเพลงเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเผยแพร่ให้พสกนิกรชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์มีต่อปวงชนชาวไทย พร้อมเปิดใจใช้ช่วงเวลาพักผ่อนงดแสดงคอนเสิร์ต เพื่อแสดงความอาลัยเป็นเวลา 30 วัน ว่า หลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคต ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ตนในฐานะพสกนิกรชาวไทยและมีอาชีพเป็นศิลปินนักร้องที่อยู่ใต้ร่มพระบารมี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จึงได้น้อมนำเอาพระราชดำรัสรวมถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์สื่อออกมาเป็นบทเพลง โดยได้แต่งบทเพลงนี้ขึ้นเมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2559 ให้ชื่อเพลงว่า “พ่อภูมิพล” หมายถึงเพลงที่เกี่ยวกับความสำคัญของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อปวงชนชาวไทย ที่พระองค์ทรงงานหนักเพื่อลูกคือปวงชนชาวไทยมาตลอดการครองราชย์ 70 ปี ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่จะหาอะไรมาเทียบมิได้
และอยากให้คนไทยน้อมนำเอาพระราชดำรัสแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงหลักคำสอนของพระองค์ มาดำเนินชีวิต จึงได้แต่งเพลงนี้ขึ้นมาเป็นอนุสรณ์และยกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ใครจะนำไปใช้ไปเผยแพร่ยินดีไม่มีลิขสิทธิ์
ส่วนความภาคภูมิใจสูงสุดเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีที่มาตั้งแต่คุณพ่อ ที่มีอาชีพเป็นนักร้อง และเคยไปแสดงถวายในการเปิดโครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำโพธิ์พญา จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2498 คุณพ่อได้รับพระราชทานเหรียญ 50 สตางค์ เป็นที่ระลึก ซึ่งครอบครัวได้เก็บไว้จนถึงปัจจุบัน ทำให้ตัวเองมีความชอบในอาชีพนักร้องจนมีการฝึกฝนพัฒนามาถึงปัจจุบัน และความภูมิใจสูงสุดในชีวิต ครั้งแรกเมื่อปี 2555 มีโอกาสร้องเพลงเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์ ที่โรงพยาบาลศิริราช และส่วนครั้งที่ 2 ได้ร้องเพลง ปิดทองหลังพระ ที่แต่งถวาย และได้ร้องต่อหน้าพระพักตร์ในงานร่วมฉลองการครองราชย์ 65 ปี พระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ถือเป็นเกียรติประวัติความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตไปตลอดกาล
ทั้งนี้อยากวิงวอนให้คนไทยได้หันมารู้รักสามัคคี น้อมนำเอาแนวพระราชดำรัสของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และนำมาสั่งสอนลูก รวมถึงเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตในครอบครัว และนำมาเป็นแนวทางศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับลูกหลานเยาวชนต่อไป
เนื้อเพลง พ่อภูมิพล
เพลง พ่อภูมิพล
ศิลปิน แอ๊ด คาราบาว
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง ยืนยง โอภากุล
พ่อท่องไปใกล้ไกลทุกถิ่น
เหยียบพื้นดินทุกตารางนิ้ว
จากยอดดอยยอดภูสูงลิ่ว
ถึงชายเลนชายป่าโกงกาง
นำแนวทางที่คิดไว้ก่อน
เข้าไปสอนไปบอกไปสร้าง
แก้ปัญหาให้อย่างถูกทาง
นำความหวังสู่สังคมไทย
หนักเท่าใดไม่เคยคิดบ่น
ประชาชนต้องสุขสบาย
ยอมทุ่มเทพระวรกาย
แลกกับครองแผ่นดินโดยธรรม
วัน 13 ตุลาฟ้าดับ
พ่อนอนหลับลาจากเราไป
น้ำตาลูกท่วมท้นเมืองไทย
สุดอาลัย พ่อภูมิพล
พ่อเจ้าอยู่หัว พ่อภูมิพล
ของประชาชน คนไทยทั้งชาติ
เราขอตามรอยพ่อ
ตามเบื้องพระยุคลบาท
จอมกษัตริย์นักปราชญ์
ผู้หยาดเหงื่อหลั่งรดโลมดิน